วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Indy


Indy

Indy
สิ่งที่เป็นตัวบอกว่า  อินดี้
อินดี้” คือความเป็นตัวของตัวเองสูง  ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากๆออกแนวย้อนยุค การแต่งตัวไม่ซ้ำแบบใคร จุดเด่นของแนวนี้เน้นเสื้อสีแป๋นๆสดๆลายเสื้อและกางเกงเป็นเส้นขวางตัดไขว้ไปไขว้มา สุดท้ายต้องใส่แว่นตาสีสดๆหรือแว่นตาไม่เลนส์ที่เรียกกันว่าแว่นเด็กเนิร์สนั้นเอง(บางคนเอาเสื้อผ้ายายมาใส่ยังมี)   นิสัยของอินดี้” ค่อนข้าง แหวกแนวแต่มีโลกส่วนตัวสูงอินดี้ถืออารมณ์เป็นที่ตั้งมากกว่าเหตุผล รักอิสระชอบพึ่งพาตัวเอง อยู่คนเดียว ไม่ชอบรวมกลุ่มกับพวกที่ใช้อินดี้ด้วยกันทำให้สังคมของพวกอินดี้ค่อนข้างจะแคบพอสมควร
ประภทไลฟ์สไตล์ของอินดี้
อินดี้รักปลดปล่อย เป็นอินดี้ที่ไม่รักสงบ ชอบเดิน ชอบเที่ยว ชอบค้นหาประสบการณ์เพื่อให้ตัวเองเก่งมากขึ้น ไม่ชอบสูบบุหรี่ ชอบเล่นกีฬาต่างๆ ชอบท้าคนอื่น แต่ไม่เหมารวมพวกช่างกลที่ชอบหาเรื่องคนอื่นบ่อยๆนะ แนวเพลงแต่ละแนวที่ผลิตหรือฟังบ่อยๆมักจะรุนแรง ก้าวร้าว จังหวะเร็วดั่งปืนกล หรือได้ยินแล้วเต้นได้เลย
อินดี้รักสงบ เป็นอินดี้ที่่รักสงบ ชอบอยู่นิ่งๆ ยึดติดอยู่กับเรื่องในอดีต เป็นคนอนุรักษ์นิยม รักเพลงไทย แนวเพลงที่ฟัง ก็เพื่อชีวิต ลูกทุ่ง อครูสติก เร็กเก้ สกา โกธิค
การแต่งตัว
อินดี้สาย Keep Walking
§  รองเท้าผ้าใบต้องสีสดๆ แปร๊ดๆ(ถ้าเป็นของ Converse จะดีมากๆ)
§  เสื้อเป็นเสื้อยืดสีลายกราฟฟิคสมัยใหม่ 2 สี
§  ทรงผม ผู้ชายจะซอยผมแบบเจร็อค ผู้หญิงจะโกกผมสีแดง ไว้ผมสั้นสไลด์
§  กางเกงจะขาเดฟนิๆ ไม่เก่า สีดำ
§  บางทีจะใส่เสื้อหนังสีดำ
อินดี้สายเด็กอาร์ต
§  รองเท้าต้องเป็นรองเท้าผ้าใบเก่าๆ
§  เสื้อมักเป็นลายดอกแขนยาว ขาดๆยิ่งดี
§  ทรงผมจปล่อยเซอร์
§  กางเกงจะขาดๆ เก่าๆ
§  บางทีจะใส่หมวกใหญ่ๆ
ที่สำคัญ
§  อินดี้ คือ การทำในสิ่งที่แตกต่าง เพื่อสร้างสิ่งที่แปลกใหม่
§  อินดี้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงปรี๊ด
§  อินดี้ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงปรี๊ด แต่เข้าสังคมได้อย่างดีเยี่ยม (เฉพาะกลุ่มอินดี้ด้วยกันเอง)
§  อินดี้ ไม่มีกฏตายตัว ดิ้นได้เสมอ
§  อินดี้ คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เลียนแบบใคร
§  อินดี้ ไม่ชอบแว๊น+สก๊อย
ศิลปะของอารยธรรมอินดี้
§  ไม่เน้นความเหมือนจริง
§  ใช้การตัดต่อของสี และองค์ประกอบศิลป์
§  สาย Keep Walking จะใช้รูปถ้ายเป็นสีขาวดำ
§  แต่ภาพประกอบเป็นภาพ Cutout ตัดสีกันอย่างชัดเจนเหมือนภาพพิมพ์
§  ดังนั้น สไตล์งานของอินดี้จะเป็นแนวภาพพิมพ์มากกว่า
อินดี้กับเนิร์ดแตกต่างกันแบบไหน
เอาอย่างนี้ดีกว่า คุณรู้จักเนิร์ดมั้ย อินดี้ก็ไม่ต่างจากเนิร์ดเลย แต่ต่างกันที่สติปัญญาแต่ละด้านที่มี เนิร์ดจะแต่งตัวแบบเด๋อๆ แบบเป็นนักปราชญ์ผู้รู้มาก ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด(ซะงั้นเนอะ) ซึ่งเด็กเนิร์ดจะมีสติปัญญาค่อนข้างสูงมากกว่าพวกเกรียน แอ๊บแบ๊ว โอตาคุ โลลิคอน ไอดอล แต่สติปัญญาที่สูงลิ่วนั้น จะจำกัดอยู่ที่วิชาความรู้ของบทเรียนเท่านั้น วิชาความรู้จากโลกภายนอก โง่พอกันกับอินดี้ แต่อินดี้จะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าเนิร์ดมากนัก ทั้งแฟชั่น การแต่งตัว ค่อนข้างเท่ แะมีสไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งเหล่าพวกแอ๊บแบ๊ว กะไอดอลอาจเตะตาพวกเขา และมาคบกับพวกอินดี้ก็ได้นะ ไม่เชื่อก็ลองดู

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

-การทำภาพบิล

ก่อนทำ
หลังทำ

1เลือกรูปที่เราต้องการแล้ววาง
2ไปแปรให้เป็นLayers 0 หรือตั้งชื่อตามที่เราต้องการ
3เลือก Rectangular Marguee Tool เพื่อปรับขนาดที่เราต้องการ
4คลิกที่Filter->Distort ->Shear ปรับตามจุดที่เราต้องการให้เป็นรูปบิล
5แล้วกดOk ก็จะได้ที่ต้องการ

-การทำภาพพุ่ง

ก่อนทำ






หลังทำ
1วางรูปรถที่เราต้องการ
2ไปกด ที่Layers แล้วกด Ctrl-J เพื่อCopy
3ไปเลือกQuick Selection Tool ขยายส่วนที่เราต้องการ
4เลือกFilter->Blur->Radial Blur เพื่อไปปรับและซูตามที่เราต้องการเพื่อจะให้รูปพุ่งได้ตามทศิทาง

การทำภาพเบลอ

 ก่อนทำ     หลังทำ

1วางรูปที่เราต้องการ
2เลือกQuick Selection Tool เพื่อขยายรูป
3คลิกที่Filter->Blur->ก็จะได้รูปเบลอที่เราต้องการ

วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

1 เลือกรูปที่เราต้องการ กด Ctrl- Cแล้ว วาง Ctrl-V รูปจะไปอยู่ Layer
2 ถ้าเราอยากเปลี่ยนทิศทางของรูปให้ไปคลิกที่ Edit แล้วเลือก TransForm ถ้าในรูปไปที่ด้านขวาให้ไป     เลือกที่ Flip Horizontal
3ถ้าอยากเปลี่ยนสีส่วนที่เราต้องการให้เลือกที่Quick Selection Tool เพื่อไปขยายส่วนที่เราต้องระบายสีเสร็จแล้วให้เราไปแลือกสีที่เราต้องการแล้วไปกด Color Replacement Tool เพื่อวางสี
4ถ้าเราต้องการไปลบตัวอักษรหรือให้หายไปให้ไปเลือก Smudge Tool


วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

-Component องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

Hardware (อุปกรณ์) CPU,  DVD , RAM, M/B ,AGP,MOUSE, KEYBOUND
Deople ware (คน)  -  User
                             -  Adminislvator
                             -  Prourammer
                             -  Web Desinnrs
                             -  Web Master    webite
Software(โปรแกรม) - Os operafing  systen คือ   ระบบปฏิบัติการ 
                                       -  Licenee-> Windows ,Mac(โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์)
                                           = Windows7, Vista, Xp,Me(millan),Windows98,Windows3.0,3.1,3.11
                                       -  Open Soureu-> Linux(ไม่มีลิขสิทธิ์)                                                                       
                                           =  Ubutu ,  Centos                                                                            
                                   - Application   Office                                                                                       
                                           = มี Office2010 ,Office2007, Office2003,Office97                                                                                  
                                                                                                                                 
                                    
               
ในปัจจุบันใช้Office 2010
                                                                                               
                                  
                                                                            
                                                                             
                                                                            

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สรุปวิธีการติดตั้งWindows 7

ขั้นตอนแรกใส่แผ่นDVDWindows7แล้วRestartเครื่อง
แล้วกดF10ซ้ำๆจนขึ้นหน้าBootทีนี้
จะขึ้นหน้า Boot Deviceแล้วติดตั้งเป็นCD DVD Rom เสร็จแล้ว
กด F10ตกลง

  • ระบบจะทำการโหลดไฟล์ setting ลงไปในเครื่อง

  • เข้าไปหน้าbootscreen

  • หน้าเริ่มต้นการติดตั้ง บรรทัดแรก เลือกภาษาอังกฤษในการติดตั้ง
  • บรรทัดสอง เลือก time and currency format ช่องนี้ให้เลือกเป็นไทย
  • เพื่อที่ว่าเวลาติดตั้งเสร็จวินโดวส์จะมีภาษาไทยให้ใช้
  • บรรทัดที่สาม keyyboard เป็น US ก็ได้ แล้วกด next

  • พร้อมที่จะติดตั้ง กด Install now
  • ด้านล่างจะมีทางเลือกพิเศษให้สองทาง

  • ถ้าเลือก What to know before installing windows
  • จะเปิดไฟล์ Help and support ซึ่งจะบอกรายละเอียดของการติดตั้งเพิ่มเติม
  • ถ้าเลือกอีกหัวข้อ จะเป็น repair your computer คือการซ่อมวินโดวส์แบบไม่ต้องลงใหม่

  • กรณีนี้เราเลือก Install now จะมาที่หน้านี้
  • ให้คลิกยอมรับ Licence term

  • หน้านี้จะถามว่า คุณจะติดตั้งแบบไหน
  • ถ้าเลือก Upgrade จะเป็นการลงวินโดวส์ทับของเก่า โปรแกรมและไฟล์จะไม่หาย
  • ถ้าเลือก Custom จะเป็นการติดตั้งแบบลงใหม่หมด พร้อมฟอร์แมตดิสค์ด้วย

  • หน้าต่างนี้ จะถามว่า คุณจะติดตั้งลงไดร์วไหน
  • ถ้าเครื่องคุณมีหลายไดร์ว ต้องจำชื่อหรือ จำขนาดให้ดี เลือกแล้ว กด next

  • copy ไฟล์ และทำการติดตั้ง ขั้นตอนนี้รอนานหน่อย

  • ยังไม่ครบขั้นตอนดี จะรีสตาร์ทก่อนรอบนึง

  • จะ boot screen logo

  • กลับมาติดตั้งต่ออีกหน่อยนึง แล้วรีสตาร์ทอีกรอบ

  • ติดตั้งเสร็จแล้ว ตั้งชื่อผู้ใช้ และ ตั้งชื่อคอมพิวเตอร์

  • ตั้งรหัสผ่าน ถ้าไม่ต้องการใช้รหัสผ่านให้เว้นว่างไว้เลย

  • ใส่ Product key ที่ได้มาจากตอนลงทะเบียนดาวโหลดตัวติตดั้ง

  • ตั้งค่าการอัพเดต แนะนำให้เลือก use recommended setting

  • ตั้งเวลา และวันเดือนปี

  • จากนั้นตั้งสภาพแวดล้อมในการใช้งานคอมพิวเตอร์ แต่ละหัวข้อจะมีความปลอดภัยต่างกัน
  • Home network ความปลอดภัยจะต่ำ เน้นการแชร์ไฟล์ให้กันและกัน
  • Work network ควมปลอดภัยปานกลาง แชร์ไฟล์ได้แต่ต้องมีรหัสผ่าน
  • Public network ความปลอดภัยสูง ไม่เก็บพาสเวิร์ดและไม่แชร์ไฟล์
  • ถ้าไม่แน่ใจให้เลือก Public network

  • เสร็จสิ้นการติดตั้ง เตรียมเข้าสู่ Windows 7


  • หน้าจอ Desktop ของ Windows 7 RC
จะสังเกตได้ว่า ติดตั้งง่าย รวดเดียวจบ ไม่ต้องลงไดร์วเวอร์เลย ระบบมันจะหาให้เราเองหมด อาจจะมีบ้างเช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อกับเครื่องพิมพ์หรือเครื่องสแกนเนอร์หรือฮาร์ดแวร์อื่นๆ ที่อาจจะจำเป็นต้องหาไดร์เวอร์มาลงเอง แค่หาไดร์เวอร์ส่วนต่างๆในเครื่องได้
activated
อีกข้อแนะนำคือ เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ขอให้เข้าไปทำการ activate หรือลงทะเบียนการใช้งานแบบสมบูรณ์ ซึ่งต้องทำภายใน 30 วัน หลังจากติดตั้งแล้ว สามารถทำได้แบบออนไลน์ แค่คลิกเมนู start ไปที่ my computer คลิกขวา เลือก properties เลื่อนลงมาด้านล่างจะมีลิ้งค์ให้คลิก activate online เมื่อทำเสร็จแล้ว จะสามารถใช้ได้อย่างถูกต้องเป็นเวลา 1 ปี
อ้างอิง http://www.windows7clob.net/

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

-วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์

  • ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ] ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus)

ลูกคิด ( Abacus)
  • [ พ.ศ. 2158 ] นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมาเรียกว่า Napier’s Bones เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน
  • [ พ.ศ.2173 ] วิลเลียม ออตเทรต( William Oughtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ไม้บรรทัดคำนวณ ( Slide Rule) ซึ่ง ต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้างคอมพิวเตอร์แบบอนาลอก
  • [ พ.ศ.2185 ] เบลส์ ปาสคาล ( Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่องบวกลบขึ้น โดยใช้หลัการหมุนของฟันเฟือง และการทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุน ไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 ออกที่หน้าปัด
Pascal’s Calculato
  • [ พ.ศ.2214 ] กอตฟริต วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ ( Gottfried Wilhelm Leibniz ) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ปรับปรุงเครื่องคิดเลขปาสคาล ให้ทำงานได้ดีกว่าเดิม และเขายังค้นพบเลขฐานสอง (Binary number)

กอตฟริต วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ ( Gottfried Wilhelm Leibniz )
  • [ พ.ศ.2288 ] โจเซฟ แมรี่ แจคคาร์ด ( Joseph Marie Jacquard) เป็นชาวฝรั่งเศสได้คิด เครื่องทอผ้า โดยใช้คำสั่งจากบัตรเจาะรูควบคุมการทดผ้าให้มีสีและลวดลายต่าง ๆ

บัตรเจาะรู
  • [ พ.ศ.2365 ] ชาร์ล แบบเบจ ( Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่าเครื่องหาผลต่าง ( Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณและพิมพ์ ค่าทางตรีโกณมิติและฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ แบบเบจได้พยายามสร้าง เครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนเก็บข้อมูล (Store unit), ส่วนควบคุม (Control unit) และส่วนคำนวณ (Arithmetic unit) ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงยกย่องแบบเบจ ว่าเป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์ เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค ( Lady Ada Augusta Lovelace ) เป็นนักคณิตศาสตร์ที่เข้าใจผลงานของแบบเบจ ได้เขียนวิธีการใช้เครื่องคำนวณของแบบเบจเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เล่มหนึ่ง ต่อมา เลดี้ เอดา ออคุสตา เลฟเลค จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก

    Differnce Engine
  • [ พ.ศ.2393 ] ยอร์จ บูล ( George Boole) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิตระบบใหม่เรียกว่า Boolean Algebra โดยใช้อธิบายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือ True (On) และ False (Off) ร่วมกับเครื่องหมายในทางตรรกะพื้นฐาน ได้แก่ NOT AND และ OR ต่อมาระบบเลขฐานสอง และ Boolean Algebra ก็ได้ถูกนำมาดัดแปลงให้เข้ากับวงจรไฟฟ้า ซึ่งมีสภาวะ 2 แบบ คือ เปิด , ปิด จึงนับเป็นรากฐานของการออกแบบวงจรในระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน (Digital Computer)
  • [ พ.ศ.2480-2481 ] ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ ( Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่อง ABC ( Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

    Atansoff

    ABC computer

    Berry
  • [ พ.ศ.2487 ] ศาสตราจารย์โอเวิร์ด ไอด์เคน (Howard Aiken) แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ร่วมกับวิศวกรของบริษัทไอบีเอ็มได้สร้างเครื่อง MARK I เป็นผลสำเร็จ แ ต่อย่างไรก็ตามเครื่อง MARK I นี้ยังไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่แท้จริงแต่เป็นเครื่องคิดเลขไฟฟ้าขนาดใหญ่เท่านั้น
  • [ พ.ศ.2485-2495 ] มหาวิทยาลัยเพนซิลเลเนียได้สร้างเครื่อง ENIAC (Electronic Numerical Integrator And Calculator) นับได้ว่าเป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรกของโลกที่ใช้หลอดสูญญากาศ และควบคุมการทำงานโดยวิธีเจาะชุดคำสั่งลงในบัตรเจาะรู
    ENIAC
  • [ พ.ศ.2492 ] ดร.จอห์น ฟอน นิวแมนน์ ( Dr.John Von Neumann ) ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถเก็บคำสั่งการปฏิบัติงานทั้งหมดไว้ภายในเครื่อง ชื่อว่า EDVAC นับเป็นคอมพิวเตอร์เครี่องแรกที่สามารถเก็บโปรแกรม ไว้ในเครื่องได้

EDVAC
(first stored program computer)
  • [ พ.ศ.2496-2497 ] บริษัทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์ชื่อ IBM 701 และ IBM 650 โดยใช้หลอดสุญญากาศเป็นวัสดุสร้าง ต่อมาเกิดมีการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นสารกึ่งตัวนำขึ้นที่ห้องปฏิบัติการของบริษัท Bell Telephone ได้เกิดทรานซิสเตอร์ตัวแรกขึ้น ต่อมาทรานซิสเตอร์ได้ถูกนำไปแทนหลอดสูญญากาศ จึงทำให้ขนาดของคอมพิวเตอร์เล็กลงและเกิดความร้อนน้อยลง (เครื่องที่ใช้ทรานซิสเตอร์ได้แก่ IBM 1401และ IBM 1620 )

    หลอดสูญญากาศ (Vacuum tube)

    ทรานซีสเตอร์ (Transistor)
  • [ พ.ศ.2508 ] วงจรคอมพิวเตอร์มีการเปลี่ยนแปลงอีกมากเมื่อมีวงจรรวม ( Integrated Circuit: IC) เกิดขึ้น ซึ่งไอบีเอ็มนี้ได้ถูกนำไปแทนที่ทรานซิสเตอร์ ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของระบบคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ซึ่งผลก็คือทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง

    IC
  • [ พ.ศ.2514 ] บริษัท Intel ได้ใช้เทคโนโลยีของการผลิตวงจรรวมแบบ ( Large Scale Integrated Circuit :LSI ) ทำการรวมเอาวงจรที่ใช้เป็นหน่วยประมวลผลกลาง ( CPU) ของคอมพิวเตอร์มาบรรจุอยู่ในแผ่นไอซีเพียงตัวเดียวซึ่ง ไอซีนี้เรียกว่าไมโครโปรเซสเซอร์ ( Microprocessor)

    Microprocessor
  • [ พ.ศ.2506] ประเทศไทยเริ่มมีคอมพิวเตอร์ใช้เป็นครั้งแรก โดยที่คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในประเทศไทยได้ติดตั้งที่ ภาควิชาสถิติ คณะพานิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้คือ IBM 1620 ซึ่งได้รับมอบจากมูลนิธิเอไอดี และบริษัทไอบีเอ็ม แห่ง ประเทศไทยจำกัด ปัจจุบันหมดอายุการใช้งานไปแล้ว จึงได้มอบให้แก่ศูนย์บริภัณฑ์การศึกษาท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ
  • [ พ.ศ.2507] เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองของประเทศไทยติดตั้งที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนมีนาคม 2507


ก่อกำเนิด ไมโครโปรเซสเซอร์

เมื่อก่อนนั้น Intel เป็นบริษัทผลิตชิปไอซีแห่งหนึ่งที่ไม่ใหญ่โตมากนักเท่าในปัจจุบันนี้ เมื่อปี ค.ศ.1969 ได้สร้างความสะเทือน ให้กับวงการอิเล็คทรอนิคส์ โดยการออกชิปหน่วยความจำ(Memory)ขนาด 1 Kbyte มาเป็นรายแรก
บริษัทบิสซิคอมพ์(Busicomp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องคิดเลขของญี่ปุ่นได้ทำการว่าจ้างให้ Intel ทำการผลิตชิปไอซี ที่บิสซิคอมพ์เป็นคนออกแบบเองที่มีจำนวน 12 ตัว โครงการนี้ถูกมอบหมายให้นาย M.E. Hoff, Jr. ซึ่งเข้าตัดสินใจที่จะใช้วิธีการออกแบบชิปแบบใหม่ โดยสร้างชิปที่ให้ถูกโปรแกรมได้ หมายถึงว่าสามารถนำเอาชุดคำสั่งของการคำนวณไปเก็บไว้ใน หน่วยความจำก่อนแล้วให้ไอซีตัวนี้อ่านเข้ามาแปล ความหมาย และทำงานภายหลัง
ในปี 1971 Intel ได้นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า Intel 4004 ในราคา 200 เหรียญสหรัฐ และเรียกชิปนี้ว่าเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์(Micro Processor) ก็เพราะว่า 4004 นี้เป็น CPU (Central Processing Unit) ตัวหนึ่ง ซึ่งมีขนาด 4.2 X 3.2 มิลลิเมตร ภายในประกอบด้วย ทรานซิสเตอร์ จำนวน 2250 ตัว และเป็น ไมโครโปรเซสเซอร์ขนาด 4 บิต
หลังจาก 1 ปีต่อมา Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ ขนาด 8 บิตออกมาโดยใช้ชื่อว่า 8008 มีชุดคำสั่ง 48 คำสั่ง และอ้างหน่วยความจำได้ 16 Kbyte ซึ่งทาง Intel หวังว่าจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดทางด้านชิปหน่วยความจำได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อปี 1973 ทาง Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ที่มีชุดคำสั่งพื้นฐาน 74 คำสั่งและสามารถอ้างหน่วยความจำได้ 64 Kbyte
ไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกของโลก
เมื่อปี 1975 มีนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่ง ชื่อว่า Popular Electronics ฉบับเดือน มกราคม ได้ลงบทความ เกี่ยวกับเครื่อง ไมโครโปรเซสเซอร์ เครื่องแรกของโลกที่มีชื่อว่า อัลแตร์ 8800 (Altair) ซึ่งทำออกมาเป็นชุดคิท โดยบริษัท MITS (Micro Insumentation And Telemetry Systems) ลักษณะของชุดคิท ก็คือ จะอยู่ในรูปของอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยให้ คุณนำไปประกอบขึ้นใช้เอง
บริษัท MITS ถูกก่อตั้งเมื่อปี 1969 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำตลาดในด้านเครื่องคิดเลข แต่การค้าชลอตัวลง ประธานบริษัท ชื่อ H. Edword Roberts เห็นการไกล คิดเปิดตลาดใหม่ซึ่งจะขายชุดคิด คอมพิวเตอร์ ประมาณเอาไว้ว่าอาจขาย ได้ในจำนวนปีล่ะประมาณ 200-300 ชุด จึงให้ทิมงานออกแบบบและพัฒนาแล้วเสร็จก่อนถึงคริสต์มาส ในปี 1974 แต่เพิ่งมา ประกาศตัวในปีถัดไป สำหรับ CPU ที่ใช้คือ 8080 และคำว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ จึงถูกเรียกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อชุดคิทคอมพิวเตอร์ชุดนี้
ชุดคิทของ อัลแตร์ นี้ประกอบด้วย ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ของบริษัท Intel มี เพาเวอร์ซัพพลาย มีแผงหน้าปัดที่ติดหลอดไฟ เป็นแถวมาให้เพื่อแสดงผล รวมถึงหน่วยความจำ 256 Byte ( แหม.. เหมือนของเล่นเราในสมัยนี้ จังงง ) นอกนั้น ยังมี สล๊อต (Slot) ให้เสียบอุปกร์อื่น ๆ เพิ่มได้ แต่ก็ทำให้ MITS ต้องผิดคาด คือ ภายใน เดือนเดียว มีจดหมายส่งเข้ามาขอสั่งซื้อเป็นจำนวนถึง 4,000 ชุดเลยทีเดียว
ด้วยชิป 8080 นี่เองได้เป็นแรงดลใจให้บริษัท ดิจิตอลรีเสิร์ช (Digital Research) กำเนิดระบบปฏิบัติการ(Operating System) ที่ชื่อว่า ซีพีเอ็ม(CP/M หรือ Control Program For Microcomputer) ขึ้นมา ในขณะที่ Microsoft ยังเพิ่งออก Microsoft Basic รุ่นแรกเท่านั้นเอง
ถึงยุค Z80
เมื่อเดือน พฤศจิกายนปี 1974 ได้มี วิศวกรของ Intel บางคนได้ออกมาตั้งบริษัทผลิตชิปเอง โดยมีชื่อว่า ไซล๊อก (Zilog) เนื่องจาก วิศวกรเหล่านี้ ได้มีส่วนร่ามในการผลิตชิป 8080 ด้วยจึงได้นำเอาเทคโนโลยีการผลิดนี้มาสร้างตัวใหม่ที่ดีกว่า มีชื่อว่า Z80 ยังคงเป็น ชิปขนาด 8 บิต เมื่อได้ออกสู่ตลาดได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้ปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่มีอยู่ใน 8080 จึงทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ หลายต่อหลายยี่ห้อ หันมาใช้ชิป Z80 กัน แม้แต่ซีพีเอ็ม ก็ยังถูกปรับปรุงให้มาใช้กับ Z80 นี้ด้วย *** แม้ในปัจุบันนี้ Z80 ยังคงถูกใช้งาน และนำไปใช้ ในการเรียนการสอน ไมโครโปรเซสเซอร์ ด้วย เช่น ชุดคิดหรือ Single Board Microcomputer ของ ETT, Sila เป็นต้น และ IC ตัวนี้ยังผลิตขาย อยู่ในปัจจุบัน ในราคา ไม่เกิน 100 บาท น่ะจะบอกให้)
Computer เครื่องแรกของ IBM
ในปี 1975 ไอบีเอ็ม ได้ออกเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกออกมา แต่ทางไอบีเอ็มได้เรียกเครื่องนี้ว่าเป็น เทอร์มินัลแบบชาญฉลาด ที่สามารถโปรแกรมได้ (Intelligent Programmable Terminal) และตั้งชื่อรุ่นว่า Model 5100 มีหน่วยความจำ 16 Kbyte แล้วยังมีตัวแปลภาษาเบสิก แบบอินเตอร์พรีทเตอร์ (Interpreter) ด้วย และมี ไดรฟ์สำหรับใส่คาร์ทิดจ์เทปในตัว แต่ก็ยังขายไม่ดีเอามาก ๆ เลย เพราะว่าตั้งราคาไว้สูงมากถึง 9,000 เหรียญสหัฐ
ในปลายปี 1980 บริษัทไอบีเอ็มได้เกิดแผนกเล็ก ๆ ขึ้นมาแผนกหนึ่งเรียกว่า Entry Systems Division ภายใต้ทีมของคนชื่อว่า ดอน เอสทริดจ์ (Don Estridge) และนักออกแบบอีก 12 คน โดยได้รับมอบหมายให้พัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของไอบีเอ็มโมเด็ล 5100 นั้นเอง โดยนำเอาจุดเด่นของเครื่อง ที่ขายดีมารวมไว้ในการออกแบบเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็ม และผลิตจำหน่ายได้ภายในปีเดียวภายใต้ชื่อว่า ไอบีเอ็มพีซี (IBM PC) ซึ่งถูกเปิดตัวในเดือน สิหาคม ปี 1981 และยอดขายของเครื่องพีซีก็ได้พุ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทอื่น ๆ จับตามอง
กำเนิด แอปเปิ้ล
ในปี 1976 หลังจาก Stephen Wozniak และ Steve Jobs ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ (Apple Computer) และได้นำเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขายโดยใช้ชื่อว่า Apple I ในราคา 695 เหรียญ บริษัทแอปเปิลได้ผลิตเครื่อง Apple I ออกมาไม่มากนัก ภายในปีเดียวได้ผลิต Apple II ออกมา
และรุ่นนี้เป็นรุ่นเปิดศักราชแห่งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และเป็นการสร้างมาตรฐาน ที่ไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด
                                                              อ้างอิง http://thaicyberpoint.com/

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

-Principal design and Web development

Design as a noun informally refers to a plan for the construction of an object or a system (as in architectural blueprints, engineering drawing, business process, circuit diagrams and sewing patterns) while “to design” (verb) refers to making this plan.[1] No generally-accepted definition of “design” exists,[2] and the term has different connotations in different fields (see design disciplines below). However, one can also design by directly constructing an object (as in pottery, engineering, management, cowboy coding and graphic design).
Web development is a broad term for the work involved in developing a web site for the Internet (World Wide Web) or an intranet (a private network). This can include web design, web content development, client liaison, client-side/server-side scripting, web server and network security configuration, and e-commerce development. However, among web professionals, "web development" usually refers to the main non-design aspects of building web sites: writing markup and coding. Web development can range from developing the simplest static single page of plain text to the most complex web-based internet applications, electronic businesses, or social network services.
For larger organizations and businesses, web development teams can consist of hundreds of people (web developers). Smaller organizations may only require a single permanent or contracting webmaster, or secondary assignment to related job positions such as a graphic designer and/or information systems technician. Web development may be a collaborative effort between departments rather than the domain of a designated department

 การออกแบบ    ที่ถือว่าเป็นกลยุทธ์ฟื้นที่ฐานของการออกแบบทั้งหมดภาพโดยเจตนาการ  การออกแบบในขณะที่ประกอบขึ้นเป็นหลักการที่กว้างขึ้นด้านโครงสร้างขององค์ประกอบของมัน
การตระหนัก ถึงหลักการในการออกแบบเป็นขั้นตอนแรกในการสร้างองค์ประกอบภาพประสบความสำเร็จ หลักดังกล่าวนี้ที่อาจซ้อนทับกันจะถูกใช้ในทุกสาขาที่เป็นภาพรวมทั้ง การออกแบบกราฟิก
การออกแบบอุตสาหกรรม ,สถาปัตยกรรมและศิลปะ
การพัฒนาเว็บไซต์  เว็บไซต์ สำหรับอินเทอร์เน๊ต(world wide web)  หรืออินเทอร์เน๊ต(เครือข่ายภาคเอกชน) นี้อาจรวมถึง การออกแบบเว็บ,พัฒนาเนื้อหาเว็บ,การประสานงานของลูกค้า ฝั่งไคลเอนต์/เซิร์ฟเวอร์ด้าน การเขียนสคริปต์เซิร์ฟเวอร์เว็บและการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย การตั้งค่า,
และ(e-commerce) พัฒนา อย่างไรก็ตามระหว่างวิชาชีพเว็บ,การพัฒนาเว็บมักจะหมายถึงด้านการออกแบบที่ไม่ใช่หลักการสร้างเว็บไซต์:การเขียน มาร์กอัป และการเข้ารหัส การพัฒนาเว็บสามารถช่วงจากการพัฒนาที่ง่าย ที่สุดหน้าเดีวแบบคงที่ของ ข้อความธรรมดา ให้ซับซัอนมากที่สุดบนเว็บ การใช้งาน
อินเทอร์เน๊ต ,ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ หรือ บริการเครือข่ายสังคม

                                        อ้างอิง http://en.wikipedia.org/

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความหมายของสี

    สีดำ (Black) เป็นสีแห่งความตาย ความมืด ความน่ากลัว ความผิด พลังแห่งปีศาจ สิ่งเร้นลับอำนาจ....ความข้ม เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่คุณสามารถเห็นงานออกแบบที่ใช้สีดำในโปสเตอร์หนังมักจะออกแบบให้ดูลึกลับ น่ากลัว หรือชวนให้เข้าไปค้นหาความจริง
   สีทอง หรือ สีเหลือง (Gold) เป็นสีที่แสดงถึงความมั่งคั่ง มั่งมี อบอุ่น เป็นมิตร สร้างสรรค์ หรือนักคิดค้น ประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ อิสระ ความเมตตา การมองโลกในแง่ดี เป็นต้น แต่ในบางครั้งอาจใช้ใน
ความหมายทางด้านลบ เช่น ความหึงหวง ขี้อิจฉา ความพิรุธ ความขี้สงสัย หรือ การหลอกลวง ก็ได้ในวงการวารสาร สีเหลืองยังหมายถึง ความไม่รับผิดชอบ อีกด้วย
   สีแดง (Red) เป็นสีที่แสดงถึง ความร้อนแรง อันตราย เรื่องเร่งด่วน ฉุกเฉิน ความตื่นเต้นความรัก โรแมนติก ความเจ็บปวด ความเผ็ดร้อน ความทรงจำ ความกล้าหาญ ความเป็นเจ้าของความทะเยอทะยาน พลังแห่ง Sex... ในหลายประเทศจะใช้สีแดงในความหมายต่างกัน เช่น กรีกสีแดงจะหมายถึง การต่อสู้รบราฆ่าฟัน แต่ประเทศแอฟริกาใต้ จะหมายถึง ความเศร้าโศก
   สีเทา (Gray) เป็นสีที่แสดงถึง ความมั่นคง ปลอดภัย สม่ำเสมอ ผู้ที่มีอำนาจ บุคลิกที่แข็งแกร่งความคลาสสิค ความตกต่ำ ความรู้สึกหดหู่ มัวหมอง
   สีขาว (White) เป็นสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด ผ่องใส ความหวัง ความถูกต้อง ความจริงการไว้ทุกข์ ความช่วยเหลือ ความเรียบง่าย ความเรียบร้อย
   สีน้ำเงิน (Blue) เป็นสีที่แสดงถึง ความมั่นคง ความสม่ำเสมอ เสถียรภาพ ความแน่นอน ความแข็งแรง ความเป็นผู้นำ น้ำ ความเย็น ความสะอาดสะอ้าน ความสบาย ความไว้วางใจ คลาสสิค...
ความรู้สึกอ่อนไหว ห้วงอารมณ์ ในประเทศจีน สีน้ำเงิน หมายถึง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในขณะที่ในอิหร่าน จะหมายถึง การไว้ทุกข์
   สีม่วง (Purple) เป็นสีที่แสดงถึง ความเป็นเจ้านาย กษัตรย์ การฑูต แฟชั่น เกย์ ในสหรัฐจะใช้สีม่วงสำหรับทหารที่ถูกฆ่า ในขณะที่ลีโอนาโด นาวินซี จิตกรชื่อดัง กล่าวว่าสีม่วงอ่อนจะทำให้เขามีพลังทางความคิดมากขึ้น และหากนำสีม่วงเป็นสีห้องสำหรับเด็ก จะทำให้เด็กเกิดจินตนการ
   สีน้ำตาล (Rust) เป็นสีที่แสดงถึง ความสมบุกสมบัน ดิน สนิม ความแห้งแล้ง ความเป็นมิตรความซื่อสัตย์ การไว้ใจ น่ารำคาญ ทรมาน เห็นแก่ตัว แข็งแกร่ง...
   สีเขียว (Green) เป็นสีที่แสดงถึงความสดชื่น ต้นไม้ การเจริญเติบโต เงิน ความหนุ่มสาวสิ่งแวดล้อม การผ่อนคลาย ความเป็นธรรมชาติ และสีเขียวยังเป็นสีประจำชาติของประเทศไอร์แลนด์ อีกด้วย
   สีชมพู (Pink) เป็นสีที่แสดงถึง ความเป็นผู้หญิง อ่อนไหว ความรัก ความนุ่มนวล น่ารัก วัยหวานสุภาพอ่อนโยน ทะนุถนอม ขี้อาย
   สีส้ม (orange) เป็นสีที่แสดงถึง แรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม พลัง ความสำคัญ ความอบอุ่น ความกรุณา หยิ่งยโส จองหอง มีทิฐิ...
เขียวเหลืองมะนาว เจ็บไข้ได้ป่วย, หึงหวง, คลื่นไส้, ขี้ขลาด ไม่แนะนำให้ใช้สีนี้ในผลิตภัณฑ์อาหารค่ะ
                                          อ้างอิง http://sharc.psu.ac.th